วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เปิดประตูสู่การรักษาที่ญี่ปุ่น

  ลิขสิทธิ์ภาพ @CY 2010

 นอกจากวัฒนธรรมที่สวยงาม อาหารอันลือชื่อก้องโลก รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย ของญี่ปุ่น ที่เป็นที่รู้จักแล้ว ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านการแพทย์ขั้นสูงของโลกคู่กับเพื่อนเก่าอย่างสหรัฐอเมริกาและหลากหลายประเทศ ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศที่ต่อเนื่องในการทำวิจัยและการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา รวมถึงความสามารถในการผนวกเทคโนโลยีเข้ามาในการรักษาทำให้ญี่ปุ่น ก้าวเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์มาเป็นระยะเวลานาน เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าญี่ปุ่นเองก็เป็นที่หนึ่งในการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่เขาเป็นผู้พัฒนาขึ้นมานานนับหลายสิบปี

ในปี 2554 ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านทางกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำการเปิดแคมเปญ Medical Excellence Japan (เว็บไซต์) ร่วมกับ Visa for Medical Stay (รายละเอียด) ขึ้น โดยมุ่งหวังจะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ต้องการรับการรักษาในประเทศญี่ปุ่นให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ในค่าใช้จ่ายที่ควบคุมได้ โดยมีบริการหลักๆดังนี้
  • บริการค้นหาแพทย์และโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น
  • บริการจัดแพคเกจเฉพาะบุคคลเพื่อการตรวจร่างกายและการรักษาขั้นสูง
  • บริการอำนวยความสะดวกในการขอ Visa for Medical Stay สำหรับผู้ป่วยและครอบครัว 
  • บริการประสานงานการทำนัดกับโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น
  • บริการประสานงานเป็นผู้แทนการจัดการค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่นแทนผู้ป่วย
  • บริการจองที่พัก หอพัก และโรงแรม
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน รถและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
  • บริการล่าม ล่ามทางการแพทย์ และศูนย์บริการ 24 ชั่วโมง
  • บริการผู้แทนติดตามและรับส่งระหว่างสนามบิน โรงพยาบาล และที่พักอาศัย ในประเทศญี่ปุ่น
  • บริการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ และอื่นๆ
โดยปกติแล้ว ประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องความยากในการเข้าประเทศเนื่องจากการขอวีซ่าที่ผ่านได้ยากมาก ดังนั้นหากผู้ป่วยจะเดินทางไปรักษาตัว ก็คงคิดหนักอยู่เหมือนกัน Visa for Medical Stay จึงมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างมาก เนื่องจาก วีซ่าประเภทนี้มีความพิเศษกว่าวีซ่าประเภทอื่นๆดังนี้
  • ผู้ป่วยสามารถพาครอบครัวหรือผู้ติดตามที่ไม่ใช่คนในครอบครัวไปด้วยได้ ในวีซ่าเดียวกัน 
  • วีซ่ามีทั้งชนิด ครั้งเดียว (สูงสุด 90 วัน) และหลายครั้ง (สูงสุด 1-3ปี) (ขึ้นกับระยะเวลาการรักษา ณ โรงพยาบาลในประเทศญี่ปุ่น)
  • เป็นวีซ่าที่ต้องใช้เอกสารแสดงตารางการรักษาและเอกสารร่วมแสดงการรับรองจากหน่วยงานที่ได้รับมอบเอกสิทธิ์เท่านั้น 
โดยโครงการนี้น่าจะเป็นช่องทางพิเศษ สำหรับผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการรับการรักษาขั้นสูงที่ยังไม่มีในไทย เช่นการรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคบำบัด การรักษาโรคด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัด การรักษาด้วยวิธีรักษาแนวใหม่ (Less invasive Treatment) และการผ่าตัดด้วยสายสวนเส้นเลือดฯลฯ โดยทางหน่วยงานที่ได้รับมอบเอกสิทธิ์เล็งเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะกับผู้ป่วย แต่ยังจะเป็นประโยชน์กับแพทย์ทั้งในและนอกประเทศไทยด้วยที่จะสามารถบริหารจัดการแนวทางการรักษาที่หลากหลายได้เพิ่มขึ้น

ท่านที่สนใจก็เชิญติดต่อด้วยภาษาอังกฤษได้ ที่ ลิงค์ นี้ https://www.eaj.ne.jp/maj/en/inquiry

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น