จากรายงานของ International Herald Tribune ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 2010-2011 ที่ผ่านมาพบว่า มีการรายงานการรักษาที่ผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับรังสีรักษาในสหรัฐอเมริกาอย่างมาก (ตัวอย่างเช่น บทความ As Technology Surges, Radiation Safeguards Lag โดย New York Times) ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ป่วยหลังการรักษามะเร็งมีผลข้างเคียงที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น เซลล์ที่เสียสภาพเนื่องจากการได้รับรังสีเอกซ์ และแกมมา มากเกินไป นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงในประเทศสหรัฐอเมริกาที่พบจากการทำรังสีวินิจฉัย (Brain CT Scan) ดังเช่นรูปด้านล่าง
ผลข้างเคียงจากการใช้รังสีเกินขนาดที่ควรจะได้รับ ในประเทศสหรัฐอเมริกา (แหล่งที่มาของภาพ New York Times) |
การรักษาด้วยรังสีโฟตอนยังคงเป็นที่แพร่หลายในหมู่แพทย์รังสีรักษา ซึ่งเป็นวิธีการที่เหมาะสมหากมีการควบคุมด้วยนักฟิสิกส์การแพทย์ นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ และวิศวกรการแพทย์ ซึ่งในประเทศไทยนั้นกำลังมีการพัฒนาสาขาดังกล่าวให้ชำนาญการและเชี่ยวชาญในการตอบสนองการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เมื่อกล่าวถึงปริมาณของบุคลากรทางด้านรังสีรักษา กลับพบว่าประเทศญี่ปุ่นมีทีมวิศวกรการแพทย์เป็นจำนวนมาก แทบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดในทวีปเอเชียและยุโรปได้ วิศวกรเหล่านี้จะทำหน้าที่คอยทซ่อมบำรุงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และทำการวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รังสีที่ใช้ในการรักษาออกมาในปริมาณที่เหมาะสมและถูกต้อง ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นจะทำการซ่อมแซมและดูแลอย่างต่อเนื่องทั้งก่อนและหลังการใช้ทุกวัน
เมื่อตรวจสอบจากสาเหตุที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา สาเหตุหลักที่ผู้ป่วยต้องได้รับผลกระทบจากรังสีที่เกินในหลายรัฐทั่วทั้งประเทศนั้น เป็นเพราะปริมาณวิศวกรการแพทย์และนักฟิสิกส์การแพทย์ที่ความชำนาญน้อยและไม่พิถีพิถันในการตรวจสอบ ซึ่งไม่ได้หมายถึงอุปกรณ์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่อันตรายและต้องห้ามแต่อย่างใด แต่ดังที่ได้กล่าวไว้ในคราวที่แล้วว่าการใช้รังสีรักษาด้วยรังสีโฟตอนนั้น แม้ว่าจะเป็นนวัตกรรมล่าสุดในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านแต่ปริมาณรังสีที่ได้รับนั้นเข้มข้นมาก ซึ่งส่งผลต่อเซลล์ดีที่อยู่ตั้งแต่ชั้นผิวหนังลงไปได้
การนำเอาอนุภาคบำบัดมาใช้แทนการรักษาด้วยรังสีโฟตอนจึงเป็นทางเลือกในการรับรังสีที่น้อยกว่า และมีผลการรักษาที่ดีกว่า ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วในประเทศญี่ปุ่นและนานาประเทศจำนวนมากและจะได้นำมาเล่าในครั้งต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น